หูฟังแบบแยงสอดช่องปล่อยเสียงเข้าไปในช่องรูหูที่เรียกว่า in-ear headphone (ดูรูป) มีข้อดีคือ 1. มีขนาดเล็ก ตั้งแต่ขนาดปลายนิ้วชี้ถึงขนาดปลายนิ้วหัวแม่มือ จึงสะดวกในการพกพา เก็บรักษา

มนุษย์เรามีข้อเสียอย่างหนึ่งคือแทนที่จะ..... "ป้องกัน ปัญหา "แต่ต้นมือ กลับไม่สนใจ และคาดหวังไป............ " แก้ปัญหา " เอาที่หลัง ตลอดชีวิตที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงและภาพมา กว่า 50 ปี. ผมเจอปัญหามาสารพัด ไม่เคยแม้สักครั้งเดียว ที่ปัญหา ถูกแก้ไข

ตอนนี้หูฟังไร้สาย(wirless. หรือ BlueTooth)กำลังมาแรง เนื่องจากราคาถูกลงมาก สะดวก ไม่มีสายเกะกะ หรือสายขาดในบ่อย. หูฟัง ไร้สาย เป็นการส่งเพลง ในรูปสัญญาณดิจิตอลความถี่สูง จากโทร.มือถือ ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง(EMF)

ผมไปตระเวนลองฟังตามร้านที่ขายหูฟัง ระดับไฮเอนด์6-7 แห่งในห้าง พอชำเลืองมองเพดาน ไฟตามหลืบ เพดาน ใช้ดวงไฟ LED ทั้งหมด หวังลดค่าไฟ แต่หารู้ไม่ว่า มันทำให้เสียงเลวลงทุกกรณีได้ถึง 35 % เป็นอันว่า ไม่มีทางที่จะเข้าถึงเสียงจริงของหูฟังนั้นๆได้เลย

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภายในเครื่องเสียง แทบทุกเครื่อง(98%) รวมทั้งลำโพง ยังไงก็ต้องมี " สายไฟ " ( สายลำโพง) และที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกัน ที่ปลายสาย จะมีหัวเสียบรูปตัว " ยู U "

1. สุ้มเสียงอาจหลอกหูว่าชัดกว่า แต่ก็ไร้อารมณ์ / 2. แม้อัลบั้มต่างกัน. แต่นักร้องเมื่อเพลงที่ร้องดังแล้ว จะร้องด้วยการพยายามฉายตัวตน มากกว่าถ่ายทอด วิญญาณเพลง แบบไร้ตัวคนร้อง กลายเป็น อารมณ์ดัดจริต

ทุกครั้งที่อ่านโฆษณาหรือได้ฟังการเสนอขายของคนขายผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง รวมทั้งพวกเครื่องเคียง ไม่ว่าเครื่องเสียงรถ เครื่องเสียงบ้าน. เครื่องภาพ. ช่วยไม่ได้ที่ความเอือมระอา ความน่าหดหู่ จะพุ่งขึ้นมาทันที สมัยนี้ การโกหกซึ่งๆ หน้าทำได้ยาก

บางท่านที่รวยจริง มีเครื่องเล่นจานเสียงระดับไฮเอนด์ ราคาแสนกว่าบาทถึง 6 ล้านบาท เครื่องเล่นเทปopen reel 3-5 แสนบาท 3-4 ตัว หัวเข็มร่วม 10 ราคาหัวละ 3-4 หมื่นถึงร่วม2 แสนบาท ปรีหัวเข็ม3 ตัว เครื่องล้างจานเสียง 1-2 ตัว นี่ยังไม่นับพวกเครื่องเสียงโบราณ vintage

อุปกรณ์ทุกชิ้น ที่เสียบกับไฟบ้านac. ทุกชิ้นจะร่วมอยู่หรือเป็นส่วนหนึ่งของระบบไฟบ้าน. เดียวกัน จึงล้วนมีผลต่อกระแสไฟและการรบกวนกันเอง แม้ว่า จะไม่ได้เปิดใช้อุปกรณ์ทุกตัว แต่สัญญาณรบกวนในกระแสไฟ ที่มาจากไฟหลวง มาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัว(รวมทั้งนอกบ้านเรา)